งารถยก คืออะไร
งารถโฟล์คลิฟท์ หรืองาโฟล์คลิฟท์ คือแท่งโลหะคู่ขนานแบน 2 ชิ้นที่ยื่นออกมาด้านหน้ารถยก ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือหลักในการยกและเคลื่อนย้ายสินค้า โดยการสอดเข้าไปใต้พาเลทหรือกล่องสินค้า ซึ่งการทำงานของงาจะเชื่อมโยงกับระบบเสายก (Mast) ของรถโฟล์คลิฟท์ โดยทั่วไป ขนาดงารถโฟล์คลิฟท์ มาตรฐานจะอยู่ที่ 42-48 นิ้ว แต่ก็มีหลายขนาดให้เลือกตามความต้องการของอุตสาหกรรม
หน้าที่ของงารถโฟล์คลิฟท์
หน้าที่หลักของงารถโฟล์คลิฟท์ คือการยกและขนส่งสินค้าอย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายพาเลทสินค้า การที่งาโฟล์คลิฟท์มีความยาวและแข็งแรงเพียงพอจะช่วยกระจายน้ำหนักของโหลดได้ดี ทำให้การยกเป็นไปอย่างปลอดภัย
Jungheinrich เชื่อว่างารถโฟล์คลิฟท์ ไม่ได้เป็นเพียงส่วนประกอบธรรมดา แต่เป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างรถยกกับสินค้าโดยตรง ดังนั้น การเลือกขนาดงารถโฟล์คลิฟท์ ที่เหมาะสมกับน้ำหนักและขนาดของพาเลทจึงเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถละเลยได้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการทำงานจะราบรื่นและปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
งารถยก ควรยกสูงจากพื้นเท่าไร
เพื่อให้การทำงานของงารถโฟล์คลิฟท์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ควรปรับระดับความสูงตามสถานการณ์ดังนี้
งารถยก ขณะจอด
เมื่อรถโฟล์คลิฟท์จอดหยุดนิ่งหรือไม่ใช้งาน แนะนำให้ปรับระดับความสูงของงาโฟล์คลิฟท์ให้อยู่ในระดับต่ำที่สุดหรือแตะพื้น และปรับเสายกให้อยู่ในตำแหน่งมั่นคงที่สุด การทำเช่นนี้จะป้องกันไม่ให้งารถโฟล์คลิฟท์กีดขวางทางเดินหรือเกี่ยวกับบุคคลและสิ่งของในพื้นที่ ทำให้ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุขณะจอดได้อย่างมาก
งารถยก ขณะเคลื่อนที่
ในระหว่างการเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเปล่าหรือมีโหลด ผู้ปฏิบัติงานควรปรับระดับงารถโฟล์คลิฟท์ ให้สูงจากพื้นดินประมาณ 4-6 นิ้ว (ประมาณ 10-15 เซนติเมตร) ระดับความสูงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ
- ลดความเสียหาย : ช่วยลดโอกาสที่งาโฟล์คลิฟท์จะครูด เสียดสี หรือสัมผัสกับพื้นผิวถนนหรือทางลาดที่ไม่เรียบ ซึ่งอาจทำให้งาเสียหายได้
- เพิ่มทัศนวิสัย : การยกงาโฟล์คลิฟท์ขึ้นเล็กน้อยยังช่วยให้ผู้ขับขี่มีทัศนวิสัยที่ดีขึ้นในการมองเห็นสิ่งกีดขวางหรือผู้คนรอบด้าน
งารถยก ขณะยกของขึ้นที่สูง
เมื่อต้องยกสินค้าขึ้นชั้นวางสูงหรือลงจากที่สูง ต้องใช้ความระมัดระวังสูงสุด โดยผู้ขับขี่ต้องแน่ใจว่าได้ปรับงาโฟล์คลิฟท์ให้อยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงและเสายกอยู่ในแนวตั้งตรงก่อนการยก การเลือกขนาดงารถโฟล์คลิฟท์ ที่เหมาะสมกับโหลด จะช่วยให้สินค้าไม่ลื่นไถลหรือตกลงมา
ระดับความสูงในการยกของรถโฟล์คลิฟท์ มีปัจจัยอะไรบ้าง
ระดับความสูงในการยกที่เหมาะสมและปลอดภัย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสูงสูงสุดที่รถโฟล์คลิฟท์ทำได้เท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาร่วมด้วย ดังนี้
1. ประเภทของรถยก
ประเภทของรถยกมีผลต่อความสูงที่ทำได้ เช่น รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าแบบเคาน์เตอร์บาลานซ์ทั่วไปอาจยกได้สูงสุด 7.5 เมตร แต่รถยกที่ออกแบบมาสำหรับคลังสินค้าช่องวิ่งทางเดินแคบ หรือรถยก VNA (Very Narrow Aisle - VNA) หรือรถยกสูงไฟฟ้า Reach Truck อาจยกได้สูงถึง 10-14 เมตร โดยมีระบบเสายก 2 ท่อน (2-Stage Mast หรือ Duplex Mast ) หรือ เสา 3 ท่อน (3-Stage Mast หรือ Triplex Mast) ที่เหมาะสมกับความสูงที่ต้องการ
2. สภาพแวดล้อม
ความสูงของอาคาร เพดาน ท่อระบายอากาศ หรือระบบไฟฟ้าที่อาจกีดขวางการทำงาน รวมถึงระยะห่างที่ต้องเผื่อไว้จากเพดานอย่างน้อย 500 มิลลิเมตรเพื่อความปลอดภัย ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาในการเลือกความสูงยกของรถโฟล์คลิฟท์
3. น้ำหนักและศูนย์ถ่วงของโหลด
ยิ่งสินค้าที่ยกมีน้ำหนักมากเท่าใด ความสามารถในการยกสูงสุดก็จะลดลงเท่านั้น ผู้ปฏิบัติงานต้องตรวจสอบแผนภูมิความสามารถในการรับน้ำหนัก (Load Chart) ของรถยกเสมอ และการเลือก งารถโฟล์คลิฟท์ ที่ความยาวเหมาะสมกับขนาดพาเลท จะช่วยให้ศูนย์ถ่วงของโหลดอยู่ใกล้กับตัวรถมากที่สุดเพื่อเพิ่มความมั่นคง และไม่ควรให้งาเลยตัวพาเลทที่ต้องการตัก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการเกี่ยวพาเลทอื่นในชั้นวาง
4. ความชำนาญของพนักงานขับรถยก
ความรู้ความเข้าใจในข้อจำกัดของรถยกและงาโฟล์คลิฟท์ รวมถึงความชำนาญในการขับขี่และการวางตำแหน่ง งารถโฟล์คลิฟท์ของพนักงาน เป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการยกสูงหรือการเข้าถึงชั้นวางที่ความสูงมาก
การยกงาของรถโฟล์คลิฟท์ สูงเกินไปหรือต่ำเกินไป อันตรายอย่างไร
- ยกสูงเกินไปขณะเคลื่อนที่ : ทำให้ผู้ขับขี่มองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า อาจชนคนหรือสิ่งกีดขวางได้ง่าย และยังทำให้ศูนย์ถ่วงของรถสูงขึ้นจนเสี่ยงต่อการพลิกคว่ำ โดยเฉพาะเมื่อเข้าโค้ง
- ยกต่ำเกินไปขณะเคลื่อนที่ : ทำให้ปลายงาโฟล์คลิฟท์ สัมผัสหรือครูดกับพื้นผิว อาจทำให้งาเสียหาย สะดุดกับสิ่งกีดขวางบนพื้น หรือเกิดการกระชากตัวอย่างกะทันหันซึ่งเสี่ยงต่อการทำสินค้าเสียหายหรือทำให้รถเสียการควบคุม
สรุปบทความ งารถโฟล์คลิฟท์
การเลือกงารถโฟล์คลิฟท์ และการปรับระดับความสูงอย่างเหมาะสม ทั้งในส่วนของขนาดงารถโฟล์คลิฟท์ และระดับการยกที่ถูกต้องตามหลักความปลอดภัย ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการปฏิบัติงานคลังสินค้า การตระหนักถึงปัจจัยเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยกและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย
หากคุณกำลังมองหารถยกคุณภาพสูงที่มาพร้อมกับงาโฟล์คลิฟท์ที่ทนทานและได้มาตรฐาน Jungheinrich มีผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเช่าโฟล์คลิฟท์ประสิทธิภาพสูง รถโฟล์คลิฟท์มือสองคุณภาพดี ไปจนถึงอะไหล่โฟล์คลิฟท์ และบริการหลังการขายครบวงจร เราพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อช่วยให้คุณเลือกรถโฟล์คลิฟท์ที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจคุณที่สุดการยกงาของรถโฟล์คลิฟท์ สูงเกินไปหรือต่ำเกินไป อันตรายอย่างไร
คำถามที่พบบ่อย
1. รถโฟล์คลิฟท์ยกสูงได้กี่เมตร?
รถโฟล์คลิฟท์ทั่วไปยกได้ประมาณ 3-7.5 เมตร แต่รถยกเฉพาะทาง เช่น Reach Truck หรือ รถยก VNA ที่ใช้ในคลังสินค้าชั้นวางสูง สามารถยกได้ตั้งแต่ 7 เมตร ไปจนถึง 14 เมตร ขึ้นอยู่กับรุ่นและระบบเสายก
2. รถโฟล์คลิฟท์ สามารถปรับความกว้างของงาได้หรือไม่?
ได้ โดยทั่วไปผู้ขับขี่สามารถปรับความกว้างระหว่างงาโฟล์คลิฟท์ด้วยมือ เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของพาเลทหรือสินค้าที่ยก ส่วนรถโฟล์คลิฟท์บางรุ่นจะมีอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า Fork Positioner ซึ่งช่วยให้สามารถปรับความกว้างของงารถโฟล์คลิฟท์ได้ด้วยระบบไฮดรอลิกจากห้องโดยสาร
3. รถโฟล์คลิฟท์มีอายุการใช้งานกี่ปี ควรเปลี่ยนงาเมื่อไร?
อายุการใช้งานของรถโฟล์คลิฟท์ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษา อาจอยู่ได้ถึง 10-15 ปี ส่วนงาโฟล์คลิฟท์ควรได้รับการตรวจสอบการสึกหรอเป็นประจำ และควรเปลี่ยนเมื่อความหนาของงาลดลงถึง 10% ของความหนาเดิม เนื่องจากความสามารถในการรับน้ำหนักจะลดลงอย่างมาก
4. งาโฟล์คลิฟท์มีอุปกรณ์เสริมอะไรบ้าง?
งาโฟล์คลิฟท์มีอุปกรณ์เสริมหลากหลาย เช่น ส่วนต่อขยายงา (Fork Extensions) สำหรับยกสินค้าที่มีความยาวพิเศษ โรลหนีบ (Clamp Attachments) สำหรับหนีบม้วนกระดาษหรือถัง หรือ Rotator ที่สามารถหมุนโหลดได้ 360 องศา เป็นต้น